Bank Sukrit Vinayavekhin

คราวที่แล้ว​ ผมได้พูดถึงการแบ่งครอบครัว Sei-Katsu-Sha ในอาเซียนเป็น​ 4 กลุ่ม​ โดย​ Hakuhodo​ ได้ทำการเข้าไป​สัมภาษณ์​และสอบถามถึงพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสินค้าต่างกันดังนี้ 1. Traditional : สามีจะตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง​ เช่น​ รถ​ เป็นต้น ในขณะที่ภรรยาจะตัดสินใจซื้อ​สินค้าอุปโภค​บริโภค​ เช่น​ น้ำยาล้างจาน​ จานชามช้อนส้อม​ ด้วยตนเองโดยไม่ได้ถามคู่ของตน 2. Task-based Sharing : สามีและภรรยาจะร่วมกันคิดและถามความเห็นซึ่งกันและกัน​ ดังนั้นทั้งคู่จะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อของอยู่เสมอ 3. Flexible Sharing : สามีภรรยา​ตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงร่วมกัน​ ในขณะที่​สินค้าทั่วไปนั้น​ คนที่สะดวกกว่าก็จะเป็นคนซื้อ 4. Switched : สามีภรรยากลุ่ม​นี้​จะมีพฤติกรรมตรงข้ามกับแบบ​ Traditional​ ถึงแม้ว่าขอบางอย่างที่สามีมีความรู้มากกว่าเช่นเรื่องรถยนต์​ แต่อำนาจในการตัดสินใจมักจะอยู่ที่ภรรยา​ การที่สังคมในอาเซียนได้เปลี่ยนผ่านจากครอบครัวแบบ Traditional มาเป็นครอบครัวแบบ Sharing (Task-based และ Flexible) ดังนั้นการตลาดจึงต้องเปลี่ยนแปลงด้วย จากการตลาดแบบเดิมที่ได้มีการแบ่งแยกกลุ่ม...

งานวิจัยศึกษาพฤติกรรม​​ Sei-katsu-sha ของ Hakuhodo ได้ศึกษา​ คู่สามีภรรยา​ในกลุ่มประเทศ​เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียตนาม) ​ ประเทศละ​ 500​คู่​ ได้แบ่งประเภทของครอบครัวออกเป็น​ 4 กลุ่มคือ​ Traditional, Task-based sharing, Flexible-sharing, และ​ Switched​ ดังนี้ 1) Traditional (23%) : "You do, I won't" คือครอบครัวแบบดั้งเดิม​ ที่สามีทำงานนอกบ้าน​ และภรรยาอยู่ที่บ้านทำงานบ้านและเลี้ยงดูลูก​ 2) ‎Task-based Sharing (51%) : "We share becuase we care" คือครอบครัว​ที่ทำงานนอกบ้านทั้งคู่​ โดยช่วยแบ่งเบางานภาระงานบ้านและเลี้ยงดูลูกอย่างชัดเจน 3) ‎​Flexible​ Sharing (25%) : "If you don't have time, I can" คือครอบครัวที่ทำงานนอกบ้านทั้งคู่​ แต่ไม่มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน​ แล้วแต่เวลาและความสะดวกของแต่ละฝ่าย​ 4) Switched​ (2%) : "You do what you are good at" ค​ือครอบครัวที่สลับกับแบบ​ดั้งเดิม​ คือภรรยาทำงานนอกบ้าน​ ส่วนสามีทำงานในบ้านและเลี้ยงดูลูก​ รูปภาพจาก ASEAN SE-KATSU-SHA Forum 2017-2018 จะเห็...

หัวใจและบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการตลาด​นั้น​​ จะมีเป้าหมายอยู่ที่​​ " ผู้บริโภค​(consumer) " วันนี้ผมจะมาเล่าถึงการตลาดแบบใหม่ของญี่ปุ่นที่ไม่ได้​มองแค่​ Consumer​ แต่มองลึกไปถึง​ Sei-Katsu-Sha เมื่อวันก่อนผมได้มีโอกาสไปฟังสัมนา​ของบริษัท​เอเจนซี่โฆษณาที่ใหญ่เป็นอันดับ​ 2 ของญี่ปุ่น​ HAKUHODO​ ซึ่งมี​อายุกว่า​ 120​ ปี​ ได้รับรางวัล​มากมายมาตลอด​ โดยปีนี้​ ได้รับรางวัล​ Best​ Agency ที่ประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย บริษัทได้ผันตัวเองจากเอเจนซี่โฆษณามาเป็นเอเจนซี่ที่ช่วยวางแผน​ ผลิตผลงานและนวัตกรรมเพื่อกระตุ้นยอดขาย​ให้​ลูกค้า​ซึ่งส่วนมากก็คือบริษัทญี่ปุ่นต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลก​ โดย​ Hakuhodo​ มีปรัชญา​ที่เรียกว่า​ ​" การเข้าถึงวิถีความคิดของ Sei-katsu-sha " โดย​ 'Sei-katsu-sha'​ แปลว่า​ ​ Living person เป็นองค์รวมที่มีความหมายกว้างกว่าคำว่า ผู้บริโภค​ (Consumer) ​ ซึ่งจำกัดความถึงคนบริโภคสินค้าและ/หรือบริการเท่านั้น "วิถีความคิดนี้​ คือการมองลึกเข้าไปถึง​ปัจเจกบุคคลที่มีลักษณะเฉพาะตัว​ โดยคำนึงถึงปัจจัยรอบด้าน​ทั้ง​วิถีการใช้ชีวิต​ ความทะเยอทะยาน​ แ...

หลายคนคงเคยได้ยิน​ประโยคที่ว่า​  'จับปลาให้เด็ก​ เด็กกินได้​ 1 วัน​ แต่ถ้าสอนเด็กจับปลา​เด็กจะมีปลากินได้ไปตลอดชีวิต'​  ลองคิดเล่นๆว่า​ ในขณะที่รัฐบาลกำลังรณรงค์เรื่อง​ อุตสาหกรรม​ 4.0​ ถ้าหากเราลองเปรียบเทียบการศึกษาเป็น​ยุค​ 1.0​ -​ 4.0​ แล้วจะเป็นอย่างไร การศึกษา 1.0 คือ​การ​หาปลาให้เด็ก​ เอาความรู้ที่เราคิดว่าสำคัญ​ป้อนไปให้เด็ก​ เน้นการท่องจำ​เป็นหลัก การศึกษา 2.0 คือการสอนเด็กจับปลา​ เป็นการสอนความรู้พื้นฐาน​ เช่น​ วิธีการจับปลา​ โดยเน้นให้เด็กสามารถนำความรู้ไปจับปลากินเ อง(ประยุกต์ใช้)ได้ การศึกษา 3.0 คือการใช้เทคโนโลยีมาสอนเด็กจับปลา​ อาจจะสอนผ่านทาง​ไกล​ ใช้​ infographic มาประยุกต์ให้เข้าใจได้ง่าย​ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีมาช่วยจับปลา​ เช่น​ GPS, computer simulation เป็นต้น การศึกษา 4.0 คือการสอนให้เด็กเด็กคิดเป็น​ คิดวิธีใหม่ๆมาใช้ในการจับปลา​ ออกแบบคิดค้นอุปกรณ์ใหม่ๆ​ แม้กระทั่งคิดว่า​ เราจะจับปลาไปทำไม​ เลี้ยงเองดีกว่าไหม​ ความต้องการในการกินปลายังมีไหม​ หรือกินอย่างอื่นแทนดีไหม แล้วการศึกษา 4.0 ในนิยามของคุณหละเป็นอย่างไร? แบงค์ สุก...