การตลาดยุคใหม่โดยใช้ข้อมูล Sei-Katsu-Sha
คราวที่แล้ว ผมได้พูดถึงการแบ่งครอบครัว Sei-Katsu-Sha ในอาเซียนเป็น 4 กลุ่ม โดย Hakuhodo ได้ทำการเข้าไปสัมภาษณ์และสอบถามถึงพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสินค้าต่างกันดังนี้
1. Traditional: สามีจะตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น รถ เป็นต้น ในขณะที่ภรรยาจะตัดสินใจซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น น้ำยาล้างจาน จานชามช้อนส้อม ด้วยตนเองโดยไม่ได้ถามคู่ของตน
2. Task-based Sharing: สามีและภรรยาจะร่วมกันคิดและถามความเห็นซึ่งกันและกัน ดังนั้นทั้งคู่จะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อของอยู่เสมอ
3. Flexible Sharing: สามีภรรยาตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงร่วมกัน ในขณะที่สินค้าทั่วไปนั้น คนที่สะดวกกว่าก็จะเป็นคนซื้อ
4. Switched: สามีภรรยากลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมตรงข้ามกับแบบ Traditional ถึงแม้ว่าขอบางอย่างที่สามีมีความรู้มากกว่าเช่นเรื่องรถยนต์ แต่อำนาจในการตัดสินใจมักจะอยู่ที่ภรรยา
การที่สังคมในอาเซียนได้เปลี่ยนผ่านจากครอบครัวแบบ Traditional มาเป็นครอบครัวแบบ Sharing (Task-based และ Flexible) ดังนั้นการตลาดจึงต้องเปลี่ยนแปลงด้วย
จากการตลาดแบบเดิมที่ได้มีการแบ่งแยกกลุ่มเป้าหมายตามเพศ เช่น รถยนต์และสินค้าอิเลคโทรนิคจะเน้นไปที่กลุ่มเพศชาย (สามี) ในขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคพวกผงซักฟอกน้ำยาล้างจานนั้นจะเน้นไปที่เพศหญิง (ภรรยา) เป็นหลัก
นักการตลาดและผู้ประกอบการควรเปลี่ยนมุมมองและมาเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นคู่สามีภรรยา (Couple-based targeting) เนื่องจากอำนาจการตัดสินใจซื้อไม่ได้มาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะสามีภรรยาร่วมกันตัดสินใจ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมี Gap ของ knowledge ที่ภรรยายังขาดความรู้ในบางเรื่อง เช่น รถยนตร์หรืออุปกรณ์อิเลคโทรนิค ซึ่งตรงนี้จะเป็นโอกาสในการทำตลาดออกสินค้าใหม่ๆมาตอบโจทย์และสนับสนุนให้ภรรยาสามารถเข้าใจตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น คู่มือข้อมูลรถที่ออกแบบมาให้เข้าใจง่ายและมีลักษณะสวยงาม และเน้นมุมมองจากมุมผู้หญิง เป็นต้น
จากหลักความคิดมองผู้บริโภคแบบ Sei-Katsu-Sha นี้ คุณคิดว่าคุณมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆอย่างไรบ้างครับ
1. Traditional: สามีจะตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น รถ เป็นต้น ในขณะที่ภรรยาจะตัดสินใจซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น น้ำยาล้างจาน จานชามช้อนส้อม ด้วยตนเองโดยไม่ได้ถามคู่ของตน
2. Task-based Sharing: สามีและภรรยาจะร่วมกันคิดและถามความเห็นซึ่งกันและกัน ดังนั้นทั้งคู่จะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อของอยู่เสมอ
3. Flexible Sharing: สามีภรรยาตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงร่วมกัน ในขณะที่สินค้าทั่วไปนั้น คนที่สะดวกกว่าก็จะเป็นคนซื้อ
4. Switched: สามีภรรยากลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมตรงข้ามกับแบบ Traditional ถึงแม้ว่าขอบางอย่างที่สามีมีความรู้มากกว่าเช่นเรื่องรถยนต์ แต่อำนาจในการตัดสินใจมักจะอยู่ที่ภรรยา
การที่สังคมในอาเซียนได้เปลี่ยนผ่านจากครอบครัวแบบ Traditional มาเป็นครอบครัวแบบ Sharing (Task-based และ Flexible) ดังนั้นการตลาดจึงต้องเปลี่ยนแปลงด้วย
จากการตลาดแบบเดิมที่ได้มีการแบ่งแยกกลุ่มเป้าหมายตามเพศ เช่น รถยนต์และสินค้าอิเลคโทรนิคจะเน้นไปที่กลุ่มเพศชาย (สามี) ในขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคพวกผงซักฟอกน้ำยาล้างจานนั้นจะเน้นไปที่เพศหญิง (ภรรยา) เป็นหลัก
นักการตลาดและผู้ประกอบการควรเปลี่ยนมุมมองและมาเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นคู่สามีภรรยา (Couple-based targeting) เนื่องจากอำนาจการตัดสินใจซื้อไม่ได้มาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะสามีภรรยาร่วมกันตัดสินใจ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมี Gap ของ knowledge ที่ภรรยายังขาดความรู้ในบางเรื่อง เช่น รถยนตร์หรืออุปกรณ์อิเลคโทรนิค ซึ่งตรงนี้จะเป็นโอกาสในการทำตลาดออกสินค้าใหม่ๆมาตอบโจทย์และสนับสนุนให้ภรรยาสามารถเข้าใจตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น คู่มือข้อมูลรถที่ออกแบบมาให้เข้าใจง่ายและมีลักษณะสวยงาม และเน้นมุมมองจากมุมผู้หญิง เป็นต้น
จากหลักความคิดมองผู้บริโภคแบบ Sei-Katsu-Sha นี้ คุณคิดว่าคุณมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆอย่างไรบ้างครับ
แบงค์ สุกฤษฏิ์
ติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่
Website: http://banksukrit.blogspot.com
Facebook: Sukrit Vinayavekhin (Bank)
Comments
Post a Comment